นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เปิดเผยว่า ในวันพุธที่ 24 พ.ค. เวลา 10.00.น. กกต.เชิญไปให้ถ้อยคำกรณีร้องขอให้ตรวจสอบกรณีที่นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี และนายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย (พท.) เปลี่ยนกรอบรูปบนเฟซบุ๊กเป็นแบบเดียวกับแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิด และอาจเข้าข่ายกระทำผิดตามกฎหมายเลือกตั้งเนื่องจากทั้งสองคนไม่ใช่ผู้สมัครส.ส. บัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทย

เลือกตั้ง 2566 : ลือหึ่ง "ทักษิณ" วางเกมคว่ำรัฐบาลก้าวไกล

ฮอฟเฟ่นไฮม์ คว้าชัยเหนือ อูนิโอน 4-2 หนีตายรอดตกชั้น

แต่ได้มีการเปลี่ยนกรอบรูปที่ ระบุหมายเลขพรรคเบอร์ 29 ซึ่งจะก่อให้เกิดความเข้าใจผิด ว่าทั้ง 2 คน มีชื่ออยู่ในระบบบัญชีรายชื่อได้ ทั้งคู่ไม่ ใช่ผู้สมัคร ส.ส. ของพรรค

นายเรืองไกร กล่าวว่า ก่อนให้ถ้อยคำในวันดังกล่าว ตนจะถือโอกาสนี้ยื่นเอกสารเพิ่มเติม ที่เกี่ยวข้องกับกรณีนายพิธา ถือหุ้น ITV รวม 2 รายการ คือคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

1. ตารางรายชื่อผู้ถือหุ้น ตั้งแต่ปี 2549 ถึงปี 2566 พร้อมเอกสารประกอบ

2. ตารางรายได้รวมของ ITV ตั้งแต่ปี 2549 ถึงปี 2565 พร้อมเอกสารประกอบ (ยกเว้นปี 2555)

นายเรืองไกร กล่าวว่า กรณีที่นายพิธา มีชื่อเป็นหุ้น ITV มาตั้งแต่ปี 2551 นั้น พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 62 วรรคสาม บัญญัติว่า "ทะเบียนผู้ถือหุ้นให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าถูกต้อง"

นายเรืองไกรกล่าวว่า ITV เคยมีรายได้ปี 2549 ประมาณ 2,158 ล้านบาทเศษ ปี 2550 ประมาณ 352 ล้านบาทเศษ ซึ่งรายได้ปี 2549 และปี 2550 ส่วนใหญ่เป็นรายได้จากธุรกิจสื่อ แต่ปีต่อๆมา รายได้ลดลงทุกปีมาจนถึงปัจจุบัน เพราะ สปน.บอกเลิกสัญญา แต่ ITV ไม่เห็นด้วย จึงมีการฟ้องร้องกันอยู่ในศาลปกครอง คดียังไม่ถึงที่สุด สัญญาที่ถูกยกเลิกจะครบกำหนดวันที่ 3 กรกฎาคม 2568

ซึ่งหลักฐานที่จะยื่นเพิ่มเติมในวันพุธที่ 24 พ.ค. น่าจะช่วยทำให้ กกต. พิจารณาได้เร็วขึ้น และน่าจะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต่อไปว่า นายพิธา เข้าข่ายมีลักษณะต้องห้ามตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 98(3) หรือไม่